สำนักงานศาลยุติธรรมถอยหลังแล้วหรือ? ร่างระเบียบว่าด้วยเงินตอบแทน จะให้สิทธิทุกงานเท่าเทียมกันตามรัฐธรรมนูญเท่านั้นหรือ? ทุกคนมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียบกันจริงหรือ ? ถ้าอย่างนั้นจะมีสิทธิและหน้าที่เป็นข้าราชการในตำแหน่งผู้พิพากษา ผู้อำนวยการ เจ้าพนักงานคดี นิติกรข้าราชการในตำแหน่งหน้าที่อื่นที่ต้องการได้ไหม งานเหมือนกันเท่ากัน เงินเหมือนกันเท่ากัน ได้ไหม? ท่านคงตอบ ไม่ได้ (ถ้าตอบได้ มันขัดต่อหลักความเป็นจริง) ทำไมท่านตอบว่าไม่ได้ เพราะหน้าที่มันต่างกัน การศึกษาความรู้ความสามารถ เนื้องาน การปฏิบัติหน้าที่ มันต่างกันเห็นได้ชัด มันก็เลยต้องต่างกัน(ดังนั้นจะเอาความเท่าเทียบตามรัฐธรรมนูญมาให้ในงานแต่ละประเภทและความสามารถแต่ละคนไม่ได้ คงใช้ได้แค่สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานทั่วไปเท่านั้น อย่ามาปนกัน) ใช่มันคือความจริง ถามต่อ แล้วทำไม่ระเบียบฯนี้ จึงให้เงินเท่ากันหมดเอาอะไรมาเป็นหลักเกณฑ์วินิจฉัย? คุณคงตอบว่า ก็งานที่ทำมันเหมือนกัน เอาแค่วินัยมาวินิจฉัยแล้วแบ่งเค็กกันกินให้อร่อยกว่าบางหน่วยงานเท่านั้น(คำตอบนั้นขัดต่อคำตอบข้างต้น)และแค่ทำงานมานานตามระยะเวลาที่กำหนด(ไม่ต้องเรียนสูง แค่รอไปตามเวลา ทำงานในหน้าที่อะไรไม่เกี่ยวเอาแค่ระดับ งานทำด้วยแรงสมอง หรือปากไม่รู้) สรุปแล้ว องค์กรนี้ เอาแค่วุฒิการศึกษา ปวช.,ปวส.ก็อยู่ในระดับทั่วไป ปริญญาตรี ระดับวิชาการ ก็พอแล้ว ที่เหลือแค่ระวังตัวไม่ให้โดนวินัย ก็นั่งรอเวลาขึ้นไปเรื่อยๆ จะได้กินเงินเท่ากันแล้ว ไม่ต้องไปกระทือรือร้นหาอะไรเพิ่มเติมให้เสียค่าใช้จ่าย เปลืองเงิน เปลืองเวลา เปลืองสมอง อีก ส่วนพวกที่เรียนมาสูง(นบท.ปริญญาโท,เอก) ผ่านการอบรมอย่างหนัก ทำงานมาก ต้องกระทือรือร้นหาความรู้ความสามารถเพิ่มเติมตลอดเพื่อไปในตำแหน่งที่สูงและมีเงินยั่วใจที่ดีกว่า ก็ต้องเสียเปล่า กลับมาได้เท่ากับหรือน้อยกว่า ในระดับทั่วไปหรือวิชาการซึ่งคุณวุฒิต่างกัน เป็นเช่นนี้ก็ขัดต่อวิสัยทัศของสำนักงานฯที่จะพัฒนาศักยภาพบุคคลให้ดีขึ้น เช่น การให้ทุนไปศึกษาต่างๆ ต่อไปก็ไม่มีใครสอบแข่งขันไปดอก(เว้นแต่ของผู้ใหญ่บารมี) เพราะกลับมาก็ไร้ความหมาย หากเป็นอย่างระเบียบฯนี้ คงมีวัตถุประสงค์แค่หักหน้าหน่วยงานอัยการเท่านั้น(ไม่นานเวรกรรมจะตามทัน)เพราะอัยการเขารอคุณเปิดเดี๋ยวเขาจะปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่และสมองของศาลก็จะไหลออกไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ซึ่งเป็นความจริงของสัตจธรรม เปรียบเทียบเงินตอบแทนพิเศษสำหรับตำแหน่ง นิติกร จพค.เห็นว่าการจะได้เงินนี้มา ต้องมีวุฒิการศึกษา ผ่านการทำงาน ผ่านการอบรม สอบออกจากการอบรม ปฏิบัติงานในเนื้องานตามตำแหน่งหน้าที่ รายงานผลการปฏิบัติงาน(กรณี จพค.ใช้วุฒิปริญญาตรีนิติศาสตร์ เนติฯหรือปริญญาโท,เอกทางกฎหมาย เข้าอบรมตามหลักสูตรร่างคำฟ้อง คำให้การ สอบข้อเท็จจริง ดำเนินการไกล่เกลี่ย ดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ที่เขาทั้งหลายเข้ามาเพราะมีสิ่งยั่วใจ หากหาไม่แล้วมีงานอื่นรองรับอีกมากเขาคงต้องไปที่ดีกว่า(แต่คุณคงคิดว่าไปได้ไปซิไม่ง้อ คุณไม่อยู่คนอื่นเขาทำได้) จริง แต่ประชาชนตาดำๆเขาไม่รู้ข้อกฎหมายคุณช่วยเขาได้ตามกฎหมาย ต่อไปก็ทำเองเถอะ เพราะเขาออกไปเป็นทนายฯ งานบริษัท ที่ปรึกษากฎหมาย อาจารย์สอบติวฯได้เงินเยอะ) ส่วนตามระเบียบฯนี้ เอาเรื่องวินัย ขั้นระดับ กำหนดเวลาการทำงานถึงก็ได้เงินเพิ่ม การศึกษาไม่ต้องเยอะ สอบได้แล้วนั่งรอเวลาไปเรื่อย อมรมไม่ต้องประสบการณ์ความรู้ความสามารถเฉพาะทางไม่ต้องมาบรรจุทำงานเลย คุณได้สิทธิรับเงินเท่าเทียมกันทันที(เขาได้เราก็ดีใจด้วย แต่ผู้เสียประโยชน์มานะบากบั่นกันมาสุดท้ายความพยายามมาไม่จำเป็นต้องนำมาวินิจฉัยรับเท่ากัน ฉะนั้นภายหน้า หากมีสิ่งดีกว่าไม่ต้องคิดมากไปได้เลย องค์กรนี้จะมีแต่ถอยหลังเพราะไม่ต้องเอาคนมีความรู้ความสามารถ)./ |